top of page

กว่าจะมาถึงวันนี้ กับเวที WEF 2022 ที่มีมากกว่าแค่โอกาส



เพราะการประสบความสำเร็จ ไม่ได้ใช้เวลาเพียงแค่ชั่วข้ามคืน


หากมองย้อนกลับไปในช่วงหลายปีก่อน คงไม่มีใครเชื่อว่าผมและบิทคับจะเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ ในช่วงเริ่มต้น...ผมมีความมุ่งมั่นเป็นอย่างมากที่จะสร้างนวัตกรรมการเงินรูปแบบใหม่และส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินจากการนำประโยชน์ของเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้เพื่อสร้างโอกาสสู่คนจำนวนมาก ผมและทีมงานมุ่งมั่นกับวิสัยทัศน์และการเดินทางครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะสร้างประโยชน์ให้กับสังคมในวงกว้างได้ พวกเราพยายามอย่างต่อเนื่องในการที่จะสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่จากการทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งที่ผ่านมาเราอาศัยอยู่บนโลกที่มีข้อจำกัดทางกายภาพซึ่งเป็นตัวกำหนดอนาคตหลายอย่าง ทว่าผู้คนจำนวนมากต่างมีศักยภาพในการทำสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีกว่าที่เป็นอยู่อย่างมาก ด้วยเหตุนี้เอง ผมและทีมงานบิทคับจึงตั้งเป้าหมายสร้างพันธกิจโดยมุ่งหวังจะให้บิทคับเป็นสะพานอันแข็งแรงที่จะเชื่อมผู้คนไปสู่โอกาสในโลกดิจิทัลและเป็นสะพานสู่โลกอนาคต เพื่อที่จะให้ทุกคนสามารถปลดปล่อยศักยภาพได้อย่างเต็มที่ และเพื่อเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับประเทศได้ขึ้นมาเป็นผู้นำในโลกดิจิทัล ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา พวกเราเติบโตขึ้นพร้อมกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ขึ้นตามมา เรายังคงยึดมั่นในภารกิจและวิสัยทัศน์ของเราอย่างแท้จริง และมุ่งหวังที่จะวางโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจดิจิทัลที่จะอยู่คู่กับประเทศไทยในระยะยาว เป็นโครงสร้างที่แม้ในวันที่ไม่มีเราอยู่แล้ว แต่ทุกอย่างที่เราสร้างนั้นจะสามารถดำเนินต่อไปด้วยตัวมันเองได้ ทุกคนยังจำเป็นต้องใช้อยู่ โครงสร้างเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดธุรกิจโมเดลใหม่ ๆ บวกกับการมาของ Web 3.0 ที่จะสร้างโอกาสให้เกิดขึ้นอีกมากมาย ดังนั้น อีกการดำเนินงานหนึ่งที่เราให้ความสำคัญไม่แพ้กัน นั่นก็คือการสร้างเสริมความรู้ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนและเทรนด์โลกอนาคตอื่น ๆ ให้กับทุกคน ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในโลกยุค Digital Disruption ความฝันที่เป็นจริง กับโอกาสในการเข้าร่วมเวทีระดับโลก ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจและเป็นอีกก้าวสำคัญที่ผมได้รับเชิญเข้าร่วมการประชุมประจำปีของสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum : DAVOS 2022 หรือ WEF : DAVOS 2022) อย่างเป็นทางการที่จัดขึ้น ณ เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 22 - 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา เวทีนี้จัดเป็นเวทีการประชุมที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งผู้นำจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจะมาร่วมกันแชร์ไอเดียและหารือเกี่ยวกับทิศทางในการกำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจ สังคม และประเด็นอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบกับประชาคมโลก และในปีนี้ WEF platform ได้มุ่งเน้นในการกำหนดอนาคตบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล ที่มีสมาชิกกว่า 70 ท่านทั่วโลกมาร่วมให้คำมั่นในการทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาหัวใจหลักทั้ง 3 ด้าน อันได้แก่ การศึกษา กฎระเบียบ และการประยุกต์ใช้ โดยผมได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานในฐานะตัวแทนนักธุรกิจจากประเทศไทยและผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิทัล และได้มีโอกาสขึ้นเวทีร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “DeFi - Future of Decentralized Governance” ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิจากนานาชาติมากมาย นอกจากนี้ ภายในงานยังมีผู้บริหารและนักวิชาการด้านต่าง ๆ จากทั่วโลกที่มาพูดคุยและร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางของโลกในอนาคตว่ามีข้อกังวลอะไรบ้างที่เราต้องมาร่วมกันแก้ปัญหาต่อไป โดยมีประเด็นที่น่าสนใจ ได้แก่ Quality Growth, Digital Wealth, Globalization เป็นต้น ไม่เพียงแต่เป็นความภาคภูมิใจในฐานะหนึ่งในกลุ่มนักธุรกิจที่เป็นตัวแทนจากประเทศไทยไปเข้าร่วมเวทีระดับโลกครั้งนี้ แต่นี่ยังเป็นโอกาสอันล้ำค่าที่ผมได้เดินทางไปพบปะกับผู้นำระดับโลก ผู้นำทางความคิดและผู้นำทางเศรษฐกิจจากประเทศต่าง ๆ ซึ่งเปรียบเสมือนพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ผมได้ร่วมรับฟังไอเดียและมุมมองใหม่ ๆ จากผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ ท่าน และเป็นเรื่องที่ดีที่จะนำประสบการณ์ในครั้งนี้มาสานต่อในวิสัยทัศน์และความตั้งใจของเราในการวางโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ให้กับผู้คนในประเทศ ทั้งนี้ ผมยังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคต จะมีตัวแทนจากเมืองไทยได้ไปเข้าร่วมเวที World Economic Forum มากยิ่งขึ้น ในการที่จะสามารถ Connect กับผู้นำโลก รวมไปถึงได้เข้าใจทิศทางของโลกเพื่อนำกลับมาตอบแทนสู่สังคมผ่านการสร้างนโยบายและแนวทางในการสนับสนุนไปในทิศทางเดียวกันกับโลกอนาคต และเพื่อเป็นกระบอกเสียงในการขับเคลื่อนประเทศต่อไป โอกาสของประเทศไทยในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคตจะมีลักษณะของการทำงานที่เปลี่ยนไปเป็นรูปแบบการทำงานได้จากทุกที่ (Work from anywhere) เราอาจได้เห็นคน ๆ นึงสามารถทำงานให้กับหลาย ๆ บริษัทได้ในเวลาเดียวกัน ตลอดจนการเกิดกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก (Nano entrepreneur) ที่สามารถดึงดูดผู้บริโภคได้จากทั่วทุกมุมโลก เนื่องจากความเป็นไปได้ของสินทรัพย์ดิจิทัลที่จะปฏิวัติการเงินแบบดั้งเดิม และเข้ามาช่วยยกระดับระบบการชำระเงินที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น บวกกับเทคโนโลยีบล็อกเชนที่จะเป็นตัวจัดการระบบที่มีความซับซ้อนและเก็บบันทึกข้อมูลธุรกรรมได้อย่างโปร่งใส สิ่งนี้เองที่จะช่วยให้พรมแดนทางเศรษฐกิจใหม่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น และจะนำมาซึ่งรูปแบบการจ้างงานใหม่ ๆ อีกด้วย รวมไปถึงการมาของ Web 3.0 ที่เป็นยุคที่เทคโนโลยีก้าวไปอีกขั้นด้วยการสร้างประสบการณ์ร่วมแบบออนไลน์ โดยเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมานั้นมีทั้ง AR (Augmented Reality) VR (Virtual Reality) MR (Mixed Reality) และ Metaverse โดยเบื้องหลังนั้นจะมีการใช้เทคโนโลยี บล็อกเชน คริปโทเคอร์เรนซี และ NFT เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งหากเราได้ทำการศึกษาถึงคุณประโยชน์ของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องและมีแนวทางที่เหมาะสมออกมาสนับสนุนในส่วนนี้ก็จะสามารถสร้าง New S-Curve ทางธุรกิจ สร้างงานและรายได้เข้าสู่ประเทศได้อย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม นวัตกรรมใหม่ ๆ นั้นอาจหมายถึงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของกลุ่มคนและมุมมองที่หลากหลายที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้นโยบายต่าง ๆ เกิดเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้ ทั้งนี้ การให้ความสำคัญกับสิ่งใหม่ ๆ เหล่านี้ ไม่ได้หมายถึงการละทิ้งสิ่งที่พวกเรามีอยู่แล้วไว้ข้างหลัง แต่จะเป็นการช่วยส่งเสริมบทบาทของสิ่งที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้นโดยอาศัยเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาเป็นองค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานของสิ่งเหล่านี้นั่นเอง เพราะโลกอนาคตกำลังพัฒนาขึ้นแบบยกกำลัง กฎของเกมนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สิ่งสำคัญที่จะทำให้คนไทยสามารถเป็นผู้สร้างเทคโนโลยีได้ ก็คือการทำความเข้าใจแนวคิดใหม่ของโลก ไม่ใช่การเรียนรู้และทำตามสิ่งเก่า ๆ เราควรร่วมกันศึกษาเพื่อที่จะรักษามาตรฐานระดับสูงนี้ไว้ พร้อมทั้งเสริมสร้างความยืดหยุ่นในการปรับตัวตามความรวดเร็วของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าในตัวพวกเราทุกคน โอกาสในการเปลี่ยนโฉมและปลดล็อกนวัตกรรมที่ดีกว่าของเราอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนครับ สุดท้ายนี้ ผมต้องขอขอบคุณทุก ๆ คนที่คอยซัพพอร์ตและช่วยพาให้เราเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ ผมโชคดีที่ได้ทำงานร่วมกับทีมงานที่เก่ง ๆ ทุกคน ทุกคนที่อยู่เบื้องหลังคือทีมงานที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก พวกเราเดินทางมาถึงอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญ และจะไม่หยุดก้าวต่อไปบนความเชื่อในสิ่งที่พวกเราทำอย่างแน่นอนครับ



ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา

ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด


bottom of page